ขาดมือถือไม่ได้ โรคใหม่ในโลกไฮเทค
ขาดมือถือไม่ได้ โรคใหม่ในโลกไฮเทค
หากคุณมีอาการกระวนกระวายในยามที่ออกไปนอกบ้านและพบว่าลืมหยิบโทรศัพท์มือถือมาด้วย ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะเป็น โรค “nomophobia” หรือ “no-mobile-phobia” โรคสุดฮิตในหมู่คนรักเทคโนโลยีแล้ว
ผลการสำรวจในอังกฤษที่จัดทำโดยบริษัทเทคโนดลยี SecureEnvoy ระบุว่า จากจำนวนคนที่ทำการสำรวจทั้งหมด 1,000 คน มีมากถึงสองในสามที่ยอมรับว่าพวกเขากลัวที่จะอยู่โดยไม่มีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่มากขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน ถึงร้อยละ 53
“ผู้หญิงมีแนวโน้มจะเป็น Nomophobia มากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายมักพกมือถือทีละ 2 เครื่อง”
คนที่มีอาการแบบนี้มากที่สุดคือกลุ่มคนในอายุ 18-24 ปี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 77 ตามมาด้วยกลุ่มคนอายุ 25-34 คิดเป็นร้อยละ 68 และผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึ่งเรียกกันว่า nomophobic นี้ มากกว่าผู้ชายอยู่ร้อยละ 9 โดยที่นักวิจัยคาดว่าสาเหตุที่ผู้หญิงมีแนวโน้มจะมีอาการกระวนกระวายเมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือมากกว่าผู้ชาย น่าจะเป็นเพราะผู้ชายมักจะพกโทรศัพท์มือถือทีละสองเครื่อง
เว็บไซต์ allAboutCounseling.com ให้ข้อมุลเกี่ยวกับอาการของโรค nomophobia ว่าประกอบด้วย อาการตัวสั่น เหงื่อออก และคลื่นไส้ ในตอนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัว นอกเหนือจากนี้ คนที่มีนิสัยหมกมุ่นกับการคอยตรวจดูมือถือตลอดเวลาและมักจะกังวลว่าโทรศัพท์วางอยู่ถูกที่หรือเปล่า ก็อาจจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับคนที่กำลังเป็นโรค nomophobic วิธีการรักษาที่แนะนำก็คือ การให้ลองใช้ชีวิตโดยปราศจากมือถือช่วงหนึ่ง พยายามหลีกเลี่ยงความคิดในแง่ลบ และใช้เทคนิคการหายใจเข้าออกหรือการทำโยคะ และสำหรับคนที่มีอาการกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้โดยไม่มีมือถือ ก็แสดงว่าถึงเวลาที่ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว
ไม่เพียงแต่อาการทางด้านจิตใจเท่านั้น แต่แพทย์หลายคนก็ได้ระบุเอาไว้ว่า การอยู่ในท่าก้มตัวเพื่อใช้โทรศัพท์มือถือจะก่อให้เกิดอาการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การปวดคอ ปวดหัว และเจ็บไหล่ไปจนถึงอาการเจ็บแขนและมือ ซึ่งก็เป็นโรคที่มีคนนิยามชื่อให้ว่า Text neck นั่นเอง ดังนั้นถ้าหากใครมีนิสัยติดการส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือ ก็ให้ลองพักจากการส่งข้อความบ่อยๆ และยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น คอ หลัง หรือศีรษะ เพื่อเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : ขาดมือถือไม่ได้ โรคใหม่ในโลกไฮเทค
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น