โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
หมอนรองกระดูกคืออะไร
กระดูกสันหลังของ เราประกอบด้วยกระดูกหลายๆ ชิ้นมาต่อกัน ระหว่างกระดูกเหล่านี้จะมีอวัยวะชนิดหนึ่งคั่นอยู่เราเรียกว่า หมอนรองกระดูก เพราะฉะนั้นกระดูกสันหลังมีกี่อัน หมอน รองกระดูกก็มีใกล้เคียงกันครับ หมอนรองกระดูก มีชื่อตามตำราว่า Intervertebral disc ถ้าจะจำเพาะลงไป ตามตำแหน่งก็เป็นว่า หมอนรองกระดูกคอ เรียกว่า Cervical disc และหมอนรองกระดูกที่เอวเรียกว่า Lumbar disc หมอนรองกระดูกไม่ได้เป็นกระดูกครับ แต่จะประกอบด้วยส่วนใหญ่ๆ 2 ส่วนคือ วงรอบนอกจะเป็นเอ็นแข็งๆ (Anular ligament) และใจกลางจะเป็นเหมือนเจลใสๆ (Nucleus pulposus) ทั้งหมดมีหน้าที่รับแรกกระแทกและทำให้เราเคลื่อนไหว
อาการ
อาการแสดงของกระดูกคอเสื่อม
1. ไม่มีอาการแสดง อาจจะมีอาการเมื่อยๆคอ เป็นๆหายๆ แต่ก็ไม่ได้สังเกต ไม่ได้รักษา
2. ปวดคอเรื้อรัง กินยาแก้ปวดก็ดีขึ้น ต่อมากลับมาปวดคออีก บางรายเวลาแหงนคอก็มีอาการปวดร้าวไปบริเวณสะบักหรือหัวไหล่
3. ปวดคอร้าวไปแขน แสดงว่ากระดูกคอเสื่อมเริ่มมีการกดทับเส้นประสาท อาจจะมีประวัติ เหมือนมีไฟช๊อตร้าวจากคอไปบริเวณข้อศอกหรือนิ้วมือ เสียวแปล๊บๆ ต่อมาอาการเสียวดีขึ้นแต่รู้สึกชาและปวดแขน แขนล้าไม่มีแรง
4. ไม่มีอาการปวดคอแต่รู้สึกปวดไหล่ ร้าวไปข้อศอก ปวดล้าๆ เมื่อย อาจจะมีอาการชาร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
5. มีอาการเดินเซ หรือแขนขา อ่อนแรง โดยไม่ปวดคอ (Cervical myelopathy) ถ้ามีการกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรงก็ทำให้เดินไม่ได้ หรือควบคุมการอุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้
อาการแสดงของกระดูกสันหลังเสื่อม
1. มีอาการปวดหลัง เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานาน
2. มีอาการปวดขาตั้งแต่บริเวณสะโพกร้าวไปบริเวณน่อง เท้า ซึ่งจะปวดมากเวลาเดิน ทำให้เดินได้ไม่ไกล ต้องหยุดเดินเป็นระยะๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นก็จะเดินต่อไป ได้ บางครั้งผู้ป่วยจะรู้สึกหลังจะค่อยๆ ค่อมลงเวลาเดิน
4. ผู้ป่วยบางคนจะไม่รู้สึกปวด แต่จะรู้สึกล้าๆ บริเวณขา ขาไม่มีแรง ก้าวไม่ออกเวลาเดิน
5. อาจพบว่ามีตะคริวบริเวณน่องบ่อยๆ ขณะนอนหลับในเวลากลางคืนต้องตื่นขึ้นเนื่องจากอาการปวดน่อง หรือปวดขามาก
6. พบว่ามี 1-2 % ของผู้ป่วยที่มีกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง มีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เดินไม่ได้ และควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
อาการปวดหลังร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง เป็นอาการเด่นของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดมากหรือปวดน้อยขึ้นอยู่ว่ากดมากหรือน้อยเป็นสำคัญ ถ้าทิ้งไว้นาน เส้นประสาทจะทำงานได้น้อยลง อาการชาและอ่อนแรงของขาซีกนั้นจะเริ่มเด่นชัดขั้น อาการทั้งหมดจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น คนที่เป็นจะคุ้นเคยกับอาการและบอกรายละเอียดของอาการได้เป็นอย่างดี
สาเหตุ
อาการหมอนรองกระดูกเสื่อม เกิดจากการใช้งานข้อต่อบริเวณต่างๆ มากเกินไป อาทิ บริเวณกระดูกส่วนคอจากการก้มๆ เงยๆ ทำกิจกรรมต่างๆ และกระดูกบั้นเอว ที่มีการบิดตลอดเวลาทุกครั้งที่มีการก้มหรือเคลื่อนไหว ทำให้มีอาการปวดบริเวณหลัง สะโพก หรือคอ บางครั้งมีร้าวไปที่ก้นและต้นขา
อาการนี้พบได้ในผู้มีอายุตั้งแต่ 40 – 50 ปี โดยผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคดังกล่าวได้เร็วกว่าผู้หญิง เนื่องจากลักษณะการทำงานอาจต้องใช้แรงมาก อย่างไรก็ตาม โรคกลุ่มนี้แม้พบไม่บ่อย แต่ผู้ป่วยมักจะไม่หายขาด ในรายที่มีอาการมาก เป็นเรื้อรังอาจต้องทำการผ่าตัดหรือเปลี่ยนหมอนรองกระดูกเทียม
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกเสื่อมจากเดิมจะใส่กระดูกเทียม หรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เข้าแทนที่ ปัจจุบันมีนวัตกรรม เรียกว่า หมอนรองกระดูกเทียม ซึ่งมีลักษณะเป็นโครงโลหะเลียนแบบกระดูกตามธรรมชาติ แกนกลางเป็นพลาสติกยืดหยุ่น และสามารถเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงหมอนรองกระดูกตามธรรมชาติ ทั้งนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกเทียมส่วนใหญ่จะทำในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 60 ปี และรักษาด้วยการให้ยาและทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผล และต้องเป็นโรคหมอนรองกระดูกอย่างเดียว ไม่มีอาการของการกดทับเส้นประสาทร่วมด้วย เนื่องจากอาจทำให้การรักษาไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก อีกทั้งปัจจุบันยังไม่มีรายงานหรือข้อมูลบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในระยะยาว
การรักษา
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท จากรูปจะเห็นว่า มีการแบ่งลักษณะของหมอนรองกระดูกออกเป็นระยะๆ ทั้งนี้เนื่องจากการรักษาในแต่ละระยะแตกต่างกัน
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท จากรูปจะเห็นว่า มีการแบ่งลักษณะของหมอนรองกระดูกออกเป็นระยะๆ ทั้งนี้เนื่องจากการรักษาในแต่ละระยะแตกต่างกัน

1. ในระยะ Protusion ผนังของหมอนรองกระดูกจะยังไม่เสีย ความยืดหยุ่นไปมากนัก การรักษาด้วยยา กายภาพบำบัด ตลอดจนการรู้จักวิธี เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังเพื่อป้องกันไม่ให้มีการอักเสบ จะสามารถช่วยให้อาการของโรคไม่กำเริบและหายได้ในที่สุด
2. ในระยะ Prolapse ในระยะนี้ผนังของหมอนรองกระดูกเริ่มเสียความยืดหยุ่นไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับแตกจนส่วนแกนในไหลออกมา การรักษาโดยการผ่าตัดน่าจะได้ผลดีที่สุด
3. ระยะ Extrusion ผ่าตัดแน่นอนครับ
4. ระยะ Sequestration ระยะนี้ก็ต้องผ่าตัดเหมือนกันครับ
2. ในระยะ Prolapse ในระยะนี้ผนังของหมอนรองกระดูกเริ่มเสียความยืดหยุ่นไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับแตกจนส่วนแกนในไหลออกมา การรักษาโดยการผ่าตัดน่าจะได้ผลดีที่สุด
3. ระยะ Extrusion ผ่าตัดแน่นอนครับ
4. ระยะ Sequestration ระยะนี้ก็ต้องผ่าตัดเหมือนกันครับ
จะเห็นได้ว่า ทั้งสี่ระยะโอกาสที่จะไม่ต้องผ่าตัดมีเพียงระยะแรกเท่านั้น การผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่พึงปรารถนา แม้ว่า ปัจจุบันอันตรายจะน้อยลงกว่าสมัยก่อนมากมายก็ตาม การป้องกัน ไม่ให้โรคเลื่อนจากระยะแรกจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุด
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง : โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม
เรื่องนี้ไม่อนุญาติ ให้แสดงความคิดเห็น